SEO หรือ Search Engine Optimize น่าจะเป็นคำที่ธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง หรือธุรกิจออนไลน์เคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ซึ่งเจ้า SEO ที่ว่านี่หากอธิบายแบบง่ายๆ ก็คือการที่ทำให้เว็บไซต์ของสินค้าหรือเว็บไซต์ของเรานั้นติดอันดับต้นๆ ในการค้นหา จากเว็บ Web Search Engine ต่างๆ อย่าง Google, Bing, Yahoo และอื่นๆ เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ที่ค้นหา Keyword เข้ามานั้นมีโอกาสที่จะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเป็นอันดับแรกๆ และเพิ่มโอกาสที่คนเหล่านี้จะเป็นลูกค้าได้มากขึ้น ถึงแม้ว่าการทำ SEO นั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะศึกษาข้อมูลและลงมือทำด้วยตัวเอง แต่สำหรับธุรกิจที่มีงานรัดตัวอยู่แล้วก็ยากที่จะเจียดเวลามาศึกษาได้จนต้องหาผู้เชี่ยวชาญที่จะมาช่วยทำให้ส่วนนี้ โดยทาง Incquity เห็นว่าในส่วนนี้ผู้ประกอบการอาจไม่ต้องรู้ถึงหลักการทำงานหรือวิธีทำทั้งหมดของ SEO แต่อย่างน้อยก็น่าจะรู้คำศัพท์สำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกันดูบ้าง เพื่อว่าในการตกลงจ้างผู้เชี่ยวชาญนั้นจะได้มีความเข้าใจตรงกัน และตัดสินใจเลือกรูปแบบได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทาง Incquity ก็ขอคัด 10 คำศัพท์สำคัญในการทำ SEO มาให้ดังนี้

1. Anchor Text

     คำว่า Anchor Text สำหรับวงการ SEO นั้นหมายถึง Link ตัวอักษรที่สามารถกดคลิกเพื่อไปหน้าถัดไปหรือหน้าที่ต้องการได้ อย่างเช่น ถ้าเราต้องการ Keyword เป็นคำว่า “จองภาพยนตร์” เพื่อ Link กลับไปยังเว็บไซต์ของโรงภาพยนตร์ ก็จะมี Link ลักษณะนี้ จองภาพยนตร์ ในหน้าเว็บ ซึ่งคำว่า Anchor Text มักพบบ่อยเพราะว่าในการทำ SEO นั้น การใช้ Keyword ที่ต้องการมาทำเป็น Anchor Text นั้นจะเป็นการช่วยเพิ่มอันดับได้เช่นกัน ซึ่งในการเลือกใช้คำที่จะมาทำ Anchor Text นั้นก็ควรที่จะมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ และไม่ใส่มากจนเกินพอดี นอกจากนี้ยังต้องมีการพิจารณาขนาดและ Font ให้เหมาะสมด้วย

2. Title Tag

     Title Tag หรือ Page Title นั้นเป็น Tag อย่างหนึ่งในการทำเว็บ (ใน HTML จะเป็น Tag <Title>) ที่จะแสดงบน Tab ของ Browser หรือเห็นได้จากชื่อต้นในผลการ Search ซึ่งความสำคัญของ Title Tag ที่ว่านี้จะช่วยให้ทั้ง Search Engine และผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั้นเข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราเกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งการตั้งชื่อ Title Tag โดยส่วนมากนั้นจะเน้นประโยคที่ค่อนข้างเฉพาะ และมีความเกี่ยวข้องกับเว็บด้วย เพราะมีผลต่อการจัดอันดับเช่นกัน

SEO

 

3. Meta Description

     อีกหนึ่ง Tag สำหรับ HTML เช่นเดียวกับ Title Tag ในข้อ 2 แต่ต่างกันตรงที่ Meta Description นั้นจะช่วยอธิบายรายเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเราว่าเกี่ยวกับอะไร ซึ่ง Meta Description นี้ไม่มีผลอะไรต่อการจัดลำดับของ SEO แต่หากมีการอธิบายรายละเอียดของเว็บไซต์เอาไว้อย่างชัดเจนแล้วก็เป็นการเพิ่มอัตราการเข้าเว็บไซต์ของผู้ใช้ได้ตรงตามความต้องการได้ ซึ่งหลักการตั้ง Meta Description นั้นก็ไม่ต่าง ซึ่งก็คือตั้งให้ไม่เหมือนใคร มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ และมั่นใจว่าประโยคที่ว่าจะทำให้ลูกค้าเข้าเว็บเราได้

SEO

 

4. 301 Redirect

     โดยปกติแล้วหากเราทำการลบเพจจากในเว็บออกไป หรือมีการเปลี่ยนชื่อ Website นั้น เมื่อผู้ใช้เข้ามา Search หาแล้วกดเข้ามาตาม Link นั้นๆ ก็มักจะได้ข้อความ ‘404 Error’ หรือ ‘Not Found Page’ ซึ่งเพื่อไม่ให้ผู้ใช้เกิดความสับสนในการเข้าใช้เว็บ รวมถึงอยากให้ช่องทางเดิมที่มีอันดับต้นๆ ยังอยู่เหมือนเดิมแม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อไปแล้วนั้นก็สามารถทำได้โดยใช้ “301 Redirect” ที่ช่วยส่ง User จาก Search Engine ไปยัง Webpage ใหม่ที่เราต้องการได้เลย

5.SERP

     SERP หรือตัวย่อของ Search Engine Result Page ก็หมายถึงหน้าผลลัพธ์การค้นหาหลังจากที่เราใส่ Keyword ในการค้นหาลงไปใน Search Engine นั้นๆ

6.Keyword

     Keyword เป็นอีกคำที่เราจะได้ยินกันบ่อยครั้งในการทำ SEO โดยคำหรือประโยค Keyword นั้นก็คือ คำหรือกลุ่มของคำที่ระบุได้ถึงตัวแบรนด์ ตัวสินค้าหรือการบริการ ซึ่งความสำคัญของ Keyword นั้นก็คือเป็นที่จะช่วยให้ผู้ใช้หรือ Search Engine นั้นๆ ให้ระบุลงไปได้ว่าเราเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร โดย Keyword นี้สามารถแทรกอยู่ได้ในทุกที่ของเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นบน Title Tag บนหัวข้อต่างๆ หรือแม้แต่ในตัวเนื้อหาก็ใส่ Keyword เข้าไปได้ โดยยิ่งมี Keyword ระบุไว้ในปริมาณที่เหมาะสมเท่าไรก็จะยิ่งทำให้ Search Engine ขยับเราไปอยู่อันดับต้นๆ ได้มากเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังการใส่ Keyword ซ้ำๆ ที่มากกินไปเพราะจะทำให้ Search Engine นั้นจับได้ว่าเป็นการพยายามใส่ให้มากเกินกว่าที่จะเกี่ยวข้องกับเนื้อหาจริงๆ และจะส่งผลต่อการลดลำดับลงมาด้วย

7. Links

    เมื่อพูดถึง Links ในการทำ SEO แล้วก็จะสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทซึ่งก็คือ Internal links และ External links โดย Internal links นั้นก็หมาย links ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในเว็บไซต์ของเราเอง เช่น Link จากหน้า Homepage เพื่อไปยัง Page Menu ต่างๆ บนเว็บ ส่วน External links เป็น links ที่นำออกไปสู่เว็บไซต์อื่นๆ และรวมถึง links จากเว็บไซต์อื่นๆ กลับมายังเว็บของเรา

ซึ่งในการวางโครงสร้าง Internal links ที่ดีนั้นก็จะช่วยให้ทั้งผู้ใช้และ Search Engine นั้นเข้ามาหาเว็บเพจของเราได้ง่ายขึ้น โดยหลักการทั่วไปนั้นก็คือพยายามให้แต่ละหน้านั้นสามารถกดเริ่มต้นจาก Homepage ไปยังหน้านั้นๆ ได้โดยไม่เกิน 2 คลิก ส่วนหลักการของ External links นั้น ก็คือการสร้าง Content ดีๆ หรือพยายามเพิ่มความน่าสนใจเพื่อให้คนอื่นๆ พร้อมที่จะแชร์และบอกต่อๆ กันไปตามเว็บไซต์หรือจาก Social Media ต่างๆ

ทั้ง 7 คำศัพท์นี้เป็นเพียงแค่คำศัพท์เบื้องต้นสำหรับการทำ SEO เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ายังมีศัพท์เฉพาะทางอีกหลายคำถ้าหากต้องการศึกษากันเพิ่มเติม แต่หากต้องการเพื่อประดับความรู้หรือใช้ในการจ้างวานผู้เชี่ยวชาญมาทำ SEO ให้แล้ว ทั้ง 8 คำนี้ก็ถือเป็นคำที่ใช้บ่อยและได้ยินกันบ่อยครั้ง ซึ่งหากรู้ไว้ก่อนอย่างน้อยก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจคร่าวๆ ได้ว่าสิ่งที่เขากำลังเสนอมานั้นคืออะไร เพื่อประกอบการตัดสินใจหากต้องมีตัวเลือกต่างๆ ในการทำ SEO ด้วย

ที่มา : incquity.com

แชร์ให้เพื่อน