เรารู้ว่าการกอดเป็นสัมผัสที่ดี แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า สามารถใช้เป็นวิธีการเยียวยาผู้ป่วยได้ โดยมีการนำการสัมผัสด้วยการกอดมาใช้ในหน่วยงานทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ในต่างประเทศหลายแห่ง กว่า 20 ปีมาแล้ว และยังมีศูนย์ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการสัมผัสอีกด้วย วิธีนี้คือการใช้สัมผัสถ่ายทอดกำลังใจ ความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใยไปสู่ผู้ป่วยประกอบกับการใช้ยาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ช่วยหายเร็วขึ้นและมีกำลังใจสูงขึ้นอีกด้วย

        Dolores Krieger R.N. Ph.D. ผู้เชี่ยวชาญในสาขาการบำบัดด้วยการสัมผัสแห่ง New York University กล่าวว่าบุคคลที่ได้รับการกอด หรือกอดผู้อื่น จะทำให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของฮีโมโกลบิน ทำให้การลำเลียงของออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างทั่วถึงทำให้สดชื่น มีชีวิตชีวาส่วนประเทศแถบเอเชียอย่างอินเดีย ที่ศูนย์ Delhi Sanjivini ศูนย์รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านจิตใจที่มีชื่อเสียงของอินเดีย ได้ใช้วิธีการรักษาผู้ป่วยจิตเภทด้วยการกอด โดยจัดหาอาสาสมัครที่จะมาบำบัดผู้ป่วยที่เป็นเพศเดียวกันกับผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยจิตเภทจะมีลักษณะของการถดถอย จึงนำวิธีการรักษาที่เป็นธรรมชาติมาใช้ เช่น ถ้าเด็ก 2 ขวบร้องไห้ ก็นำเด็กมานั่งตัก แล้วโอบกอดไว้ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ง่าย ๆ ไม่ต้องอาศัยหลักการใด ๆ ให้ยุ่งยาก

        เวอร์จิเนีย ซาเทียร์ นักบำบัดจิตวิทยาครอบครัวกล่าวว่า คนเราต้องการการกอดวันละ 4 ครั้ง เพื่อการดำรงชีวิต คนเราต้องการการกอดวันละ 8 ครั้ง เพื่อการดำเนินชีวิต และคนเราต้องการกอดวันละ 12 ครั้ง เพื่อการเจริญเติบโต

animalcute-6

“พลังแห่งกอด”

การกอดไม่เพียงแต่ส่งผลต่ออารมณ์เท่านั้น แต่การกอดมีประโยชน์อีกมากมายอย่างที่คุณไม่เคยคิดถึงมาก่อน
         1.ทำให้เรารู้สึกดีต่อตนเอง และสิ่งแวดล้อมคลายความรู้สึกหายเหงา เอาชนะความกลัวได้เป็นประตูเป็นไปสู่ความสึกอื่น ๆ สร้างความภาคภูมิใจ เป็นการช่วยคนที่ไม่มีใครสนใจ ลดความตึงเครียด และช่วยให้ต่อสู้กับอาการนอนไม่หลับ้

         2.ลดความเจ็บปวดในผู้ป่วย ทั้งที่มีอาการเรื้อรังและไม่เรื้อรัง การทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบิน และช่วยให้ร่างกายส่งเลือดมาหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณที่บาดเจ็บเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด มีการศึกษาวิจัยโดย Daved Bresler แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียลอสเองเจลลิส ยืนยันว่า จากการทดลองให้ผู้ป่วยหญิงทีทุกข์ทรมานเพราะความเจ็บปวดก่อนคลอด ได้รับการกอดโดยสามีบ่อย ๆ พบว่า ความเจ็บปวดลดลง

         3.ลดความรู้สึกในทางลบ เช่น หวาดกลัว กังวล โกรธเกรี้ยว ไม่สบายใจ อันเป็นผลมาจากความป่วยไข้ไม่สบายกาย ในบางรายที่เป็นโรคร้ายชนิดรุนแรง เช่น มะเร็ง เอดส์ นั้น ผู้ป่วยต้องเรียนรู้ว่า เมื่อมีโรคร้ายอยู่ในตัว ชีวิตหลังจากนี้จะต้องเปลี่ยนไป จึงจำเป็นต้องกอดผู้ป่วยเพื่อประคองภาวะอารมณ์ ลดความรู้สึกในทางลบ ไม่ท้อแท้ต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายนั้น

         4.ช่วยการพัฒนาการในเด็กพิการหรือเด็กออทิสติก ทำให้เกิดผลด้านบวกของการพัฒนา IQ และเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีระ การสัมผัสช่วยให้เด็กคลอดก่อนกำหนดได้รับการชดเชยเหมือนอยู่ในตู้อบ ทำให้เด็กเติบโตและมีทักษะในการดำเนินชีวิต

         5.ช่วยให้คนที่ขาดการกอด หรือการสัมผัสมีอาการดีขึ้น เพราะการกอดหรือการสัมผัส นั้นจำเป็นอย่างยิ่งในการดำรงชีวิต คนที่ขาดการกอด (หรือการสัมผัส) จะมีความเสี่ยงต่อความปวดร้าวรุนแรงในจิตใจ เมื่อเกิดความผิดหวังบางอย่างในชีวิต

 “การกอดด้วยความรัก ความรู้สึกที่เป็นบวก จะได้ผลในเชิงการบำบัดเยียวยา”

ที่มา : นิตยสาร Health Plus

แชร์ให้เพื่อน